บทที่ 7 ข่าวของซูเต๋อ

หากไม่มีงานเลี้ยงในหมู่บ้าน ชาวบ้านและที่เรือนของนางจะมีเพียงเนื้อแห้งที่ทำเก็บไว้กิน หรือไม่ก็หากไม่ฝากซื้อเนื้อหมูในเมืองนางก็แทบจะไม่ได้กินเนื้อเลย

จิ่วเม่ยวางตัวซูเจินลงกับพื้นให้บุตรสาวนั่งรอนาง ก่อนที่จะเปิดประตูด้านหลังเรือนออกไปดู เห็นว่ากวางตายลงแล้ว จึงได้ลากเขามาในเรือน

นางอุ้มบุตรสาวไปที่บ้านของลุงหวง เพื่อให้เขาจัดการเนื้อกวางให้นาง

“ท่านลุงหวง ท่านป้าหวง อยู่หรือไม่เจ้าคะ” นางร้องเรียนอยู่ด้านหน้า

ไม่นานป้าหวงก็เดินออกมาเปิดประตูเรือนให้นาง “อาเม่ยมีเรื่องอันใด แล้วพวกเจ้าสองแม่ลูกกินข้าวมาแล้วหรือยัง” ตระกูลหวงกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่

“ทำไว้แล้วเจ้าค่ะ แต่ยังไม่ได้กิน ข้าจะรบกวนให้ พี่ไฉ ไปจัดการกวางให้ข้าที” หวงไฉบุตรชายคนโตของป้าหวง เขาทำงานอยู่ที่ร้านขายหมูในเมือง เรื่องชำแหละ นางจึงต้องนึกถึงเขาคนแรก

“โอ้ กวางอย่างนั้นหรือ เจ้าไปได้มาได้อย่างไร” ป้าหวงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ เพราะไม่เคยได้ยินว่าจิ่วเม่ยนางล่าสัตว์ได้ หรือเคยเห็นนางขึ้นไปวางกับดักสักครั้ง

“ท่านไปที่เรือนของข้า แล้วข้าจะเล่าให้ฟังเจ้าค่ะ” จิ่วเม่ยไม่กล้าเล่าเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นที่เรือนของนางให้ป้าหวงฟังที่หน้าเรือน เพราะยังมีชาวบ้านไม่น้อยที่เดินผ่านไปผ่านมา

หากพวกเขารู้เรื่องไม่รู้จะคิดว่านางและบุตรสาวเป็นพวกปีศาจหรือไม่ เรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรก ตอนนี้นางเริ่มเชื่อแล้วว่าบุตรสาวของนางต้องมีอะไรที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป

“ได้ๆ เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะรีบตามไป”

จิ่วเม่ยเดินกลับเรือน เพื่อมากินข้าวกับบุตรสาว ในตอนนี้ซูเจินไม่ให้มารดาป้อนข้าวอีกแล้ว นางพยายามใช้มือน้อยๆ ของนางตักข้าวเข้าปาก แม้จะหกบ้าง แต่จิ่วเม่ยก็ไม่เคยบ่น ยอมให้บุตรสาวได้ทำทุกสิ่งที่นางต้องการด้วยตนเอง

พอสองแม่ลูกกินข้าวเสร็จ ลุงหวง ป้าหวงก็พาหวงไฉมาที่เรือนพอดี เมื่อทั้งสามเห็นกวางก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง

“เจ้าว่าอย่างไรนะ” ลุงหวงเอ่ยถามเสียงดัง

“มันเดินมาตายเองเจ้าค่ะ” จิ่วเม่ยยิ้มแห้งให้พวกเขา ก็มันเดินมาเองจริงๆ จะให้นางบอกเช่นไร

“สวรรค์ ประหลาดนัก เพิ่งต่ายไม่นานจริงด้วย” หวงไฉเดินเข้ามาจับที่ตัวกวางมันยังอุ่นๆ อยู่ ทั้งยังไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย

“แล้วเจ้าจะให้ข้าจัดการเช่นไร” หวงไฉเงยหน้าขึ้นมาถามจิ่วเม่ย

“ข้าจะเก็บไว้บางส่วน และจะแบ่งให้พวกท่านกับชาวบ้านที่ช่วยเหลือข้า ที่เหลือขายได้หรือไม่เจ้าคะ”

เงินในมือของนางตอนนี้เหลือไม่เยอะแล้ว แต่ข้าวที่เก็บเกี่ยวไว้มากก็ยังไม่ได้คิดที่จะเอาออกไปขาย รอให้สามีกลับมาจัดการเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นนางก็ต้องรบกวนชาวบ้านอีก

“ได้เรื่องนี้ไม่อยาก ขายในหมู่บ้านก็พอ แต่ราคาคงได้ไม่ดีเท่าในเมือง”

“เท่านั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”

แต่ป้าหวงไม่เห็นด้วยที่นางจะแบ่งเนื้อให้พวกเขา เปล่าๆ ทั้งยังจะแจกจ่ายผู้อื่นอีก

“อาเม่ยมิใช่ว่าข้าไม่อยากได้เนื้อ แต่เจ้าเก็บไว้กินมากเสียหน่อย เจินเออร์กำลังโต หากเจ้าแจกและขายหมด นางจะกินอันใด” ป้าหวงที่อุ้มซูเจินอยู่ก็เอ่ยขึ้น

ซูเจินรู้ดีว่าสิ่งที่ป้าหวงเอ่ย ก็เพราะเป็นห่วงพวกนางสองแม่ลูก นางยังหอมแก้มเขาไปหนึ่งที

“ฮ่า ฮ่า เจินเออร์ เจ้าเห็นด้วยกับยายใช่หรือไม่” นางบีบจมูกของซูเจินอย่างรักใคร่ หลานนางก็มีหลายคนแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่รู้ความเช่นซูเจินสักคน

“เช่นนั้นข้าก็จะเก็บไว้มากเสียหน่อย แต่ส่วนของพวกท่านที่ข้าให้ก็อย่าได้ปฏิเสธเลยเจ้าค่ะ”

ซูเจินก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย สัตว์ป่าที่สิ้นอายุขัยยังมีอีกไม่น้อย หากนางอยากกินเนื้อก็แค่บอกเสี่ยวเตี๋ยก็พอ

ซูเจินก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย สัตว์ป่าที่สิ้นอายุขัยยังมีอีกไม่น้อย หากนางอยากกินเนื้อก็แค่บอกเสี่ยวเตี๋ยก็พอ

หวงไฉเมื่อเห็นว่าตกลงกันได้แล้ว เขาก็ลงมือชำแหละเนื้อกวางทันที ฝีมือของหวงไฉทำให้ซูเจินจ้องมองอย่างสนใจ แม้แต่เลือดกวางก็ถูกเก็บเอาไว้ เนื้อถูกส่วนเขาชำแหละออกมาแทบไม่เหลือติดกระดูกเลย

เขากวางหวงไฉก็รับปากว่าจะนำไปขายที่ร้านยาให้นาง เพราะเขากวางที่สมบูรณ์เช่นนี้ได้ราคาไม่น้อยเลยทีเดียว หนังกวางก็ถูกถลกออกมาได้ไร้ที่ติ

ในตอนแรกหวงไฉก็คิดจะนำไปขายให้จิ่วเม่ย แต่นางจะเก็บไว้ทำรองเท้าให้สองพ่อลูกมากกว่า เรื่องนี้จึงไม่ได้ขัดนาง

เนื้อกวางถูกชำแหละออกมาได้มากถึงเกือบหนึ่งร้อยชั่ง (1ชั่ง=500กรัม) จิ่วเม่ยให้ป้าหวงเลือกไปสิบชั่ง ส่วนเรือนอื่นนางเก็บไว้ให้เรือนละสองชั่ง ก็อีกสิบชั่ง ตัวนางที่อยู่เพียงสองคนแม่ลูกเก็บไว้สิบชั่งเช่นกัน ก่อนจะให้หวงไฉออกหน้านำที่เหลือไปขายให้นาง

“ขายชั่งละหกสิบอิแปะเจ้าเห็นเป็นเช่นไร” หากขายในเมืองเนื้อที่สดใหม่อย่างน้อยต้องได้ชั่งละหนึ่งร้อยอิแปะ

แต่เพราะนางไม่อาจจะเดินทางไปขายได้ อีกทั้งก็อยากจะแบ่งให้ชาวบ้านในราคาที่ไม่แพง ราคาหกสิบอิแปะจึงนับว่าเหมาะสม

ค่าเงิน

1 อิแปะ = 1 เหรียญทองแดง

1 ก้วน = 100 อิแปะ

1 ตำลึงเงิน = 1 ก้วน (100 อิแปะ)

1 ตำลึงทอง = 10 ตำลึงเงิน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป